


ตำนาน วีรบุรุษจิวยี่
โจวยู่ (จิวยู้ พ.ศ. 718 - พ.ศ. 753) จื้อ กงจิ่น (กงกึ้ง) เป็นชาวเมือง ลู่เจียนซู (โล่วกังซู) เกิดมาในตระกูลขุนนางผู้ดีเก่า
บรรพบุรุษ โจวหย่ง (จิวเว้ง) เป็นขุนนางฝ่ายกรมอาลักษณ์ในรัชสมัยของพระเจ้า ฮั่นจิ่นตี้ (ฮั้งเก่งตี่), และในรัชสมัยของพระเจ้า ฮั่นเหอตี้ (ฮั้งฮั่วตี่),
ปู่ โจวจิ่น (จิวเก่ง), อา โจวจง (จิวตง), ตำแหน่งยศขุนนางถึง ไท่เว่ย (ไท้เอว่ย)
บิดา โจวอี่ (จิวอี่) ดำรงตำแหน่งผู้ว่านคร ลั่วหยาน
จิ วยี่ เมื่อวัยเด็ก ได้รับการอบรมสั่งสอนจากตระกูลผู้ดีอันเข้มงวดกวดขัน มีวิชาทางฝ่ายบู้และฝ่ายบุ๋น อีกทั้งได้เล่าเรียนทางศิลปะ การเล่นหมากรุก การตีขิม การวาดรูปด้วยฝีมืออันสูงส่ง มีความสามารถเป็นพิเศษ
สมัยนั้นมีคำพังเพยว่า “ท่วงทำนองเพลงผิด โจวหลาน รู้สึก” แสดงว่า หาก จิวยี่ ฟังดนตรีเล่นผิดเพี้ยนเพียงเล็กน้อง ก็จักฟังออก
จิวยี่ เมื่อตอนวัยเด็ก มีความมานะพยายามและมีปณิธานอันแน่วแน่ ชอบสังคมคบหาเหล่าบัณฑิตผู้มีชื่อเสียง
และได้คบหาเด็กในวัยอายุเดียวกันเป็นเพื่อนสนิท คือ ซุนเซ็ก
และ เมื่อ ซุนเกียน บิดา ซุนเซ็ก ยกกองกำลังปราบทรราช ตั๋งโต๊ะ นั้น จิวยี่ ได้ชักชวน ซุนเซ็ก นำมารดาและครอบครัวมาอยู่อาศัยกับครอบครัวของ จิวยี่ ณ ซู โดยยกบ้านหลังหนึ่งให้อยู่กันต่างหากพร้อมด้วยคนรับใช้พร้อมสรรพ
ดั่งนั้น คนทั้งสองจึ่งคบหากันเป็นมิตรสนิทรักใคร่อันแน่นแฟ้น
จิวยี่ เมื่อเติบโตเป็นหนุ่ม รูปร่างสูงใหญ่ หน้าตางดงาม เป็นชายหนุ่มที่มีเสน่ห์แก่เพศตรงข้ามในยุคนั้น
เมื่อ ซุนเซ็ก เข้าร่วมกับ อ้วนสุด จิวยี่ ก็เข้าร่วมด้วย และได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าเมือง ตันหยาน (ตังเอี้ยง..ตองเอี๋ยง) ของท่านอา โจวเซี่ยน (จิวเซี่ย)
มินาน ซุนเซ็ก ได้เหินห่างจาก อ้วนสุด จึ่งได้มีหนังสือไปบอกกล่าวให้ จิวยี่ ทราบ
จิวยี่ ได้ขอยืมกองทัพจากเจ้าอา ไปต้อนรับ ซุนเซ็ก ถึงหน้าเมือง และเมื่อ ซุนเซ็ก ได้พบหน้ากับ จิวยี่ ได้กล่าวอย่างดีใจว่า
“ข้าได้เห็นหน้าท่านแล้ว มีความหวังอย่างยิ่งว่าการใหญ่จักสำเร็จในวันข้างหน้า..”
ดั่ง นั้น จิวยี่ จึ่งได้ร่วมทำศึกกับ ซุนเซ็ก บุกโจมตีเมือง หวงเจียน (ห่วยกัง), ตันหลี่ (ตึงหลี), ปัจจุบันอยู่ทางด้านตะวันออกของเมือง เหอเสี้ยน (ฮั่วกุ่ย) ในมณฑล อันเฟย และข้ามลำน้ำไปบุกโจมตี ม่อหลิน (มกเล้ง), หูซู่ (โอ่วซก), เจียนเฉิน (กังเซ้ง), ปัจจุบันล้วนอยู่ใกล้เคียงเมือง นานจิน และเมือง กู่หยง (กู่ย้ง) ในมณฑล เจียนซู และเมือง เค่ออา (เค็กอา) ปัจจุบันคือเมือง ตันหยาน ในมณฑล เจียนซู ฯ ล ฯ
โจมตีกองทัพของ หลิวเหยา (เล่าเอี้ยว) แตกพ่ายไป
เวลานั้น กองทัพของ ซุนเซ็ก ได้ขยายตัวอย่างรวดเร็ว มีกองกำลังนับหมื่นคน
และด้วยเมือง ตันหยาน นั้นเป็นทำเลชัยภูมิที่สำคัญ แต่ได้ถูกควบคุมโดย อ้วนสุด
ซุน เซ็ก จึ่งให้ จิวยี่ ไปเฝ้าระวังรักษา เมื่อ จิวยี่ ควบคุมเมือง ตันหยาน ได้มินาน ก็ได้ทำการฝึกทหาร ส้องสุมกองกำลัง สะสมเสบียงอาหาร เป็นกองหนุนส่งไปป้อน ซุนเซ็ก
อ้วนสุด เห็นเช่นนั้น จึ่งมิยอมปล่อยปละเมือง ตันหยาน ได้ส่งน้องชายลูกพี่ลูกน้อง หยวนเหยียน (ง่วงเอี๋ยง..อ้วนเอี๋ยง) ไปเป็นเจ้าเมืองแทน จิวยี่
และให้ จิวยี่ อาหลานไปควบคุมเมือง โซ่วชุน (ซิ้วชุง) อ้วนสุด
ใคร่ จักให้ จิวยี่ เป็นแม่ทัพร่วมการศึก แต่ จิวยี่ มองเห็นการไกลว่า อ้วนสุด จักทำการใหญ่มิสำเร็จ จิวยี่ จึ่งเริ่มเอาในออกห่างจาก อ้วนสุด แต่ได้ขอร้อง อ้วนสุดขอตั้งมั่น ณ เมือง กูเฉา (กูเช้า) เพื่อเตรียมการถอยไปทางตะวันออก อ้วนสุด ได้แต่งตั้ง จิวยี่ เป็นเจ้าเมือง กูเฉา ทันที
ศักราช เจี้ยนอัน ปีที่ 3 พ.ศ. 741 จิวยี่ ได้ยกเมือง กูเฉา คืนกลับสู่ดินแดน ง่อ
ซุน เซ็ก ได้เดินทางไปต้อนรับด้วยตนเอง และแต่งตั้งให้เขาเป็นนายทัพ เจี้ยนเว่ยจงหลานเจี้ยน (เคี่ยงอุ่ยตงนึ่งเจี่ยง) ให้กองกำลังแก่เขา 2,000 นาย และม้าศึกอีก 50 ตัว
จิวยี่ ได้ซ่อมสร้างสถานที่ว่าการ และสั่งนายทัพ กวนจิน (กวงจิง) เฝ้ารักษาการลำน้ำ ฉานเจียน (เชี่ยงกัง..แยงซี) ณ จูจู่ฉี (จูจูคี้) ปัจจุบันอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมือง ตันฉู (ตึงทู้) ในมณฑล อันเฟย
ขณะนั้น จิวยี่ มีอายุได้ 24 ปี คนทั่ว ๆ ไปเรียกเขาว่า โจวหลาน (จิวนึ้ง..คุณชายจิว)
มินาน ซุนเซ็ก ต้องการพิชิตดินแดน เกงจิ๋ว ให้ จิวยี่ เป็นทัพหนุนช่วย และควบตำแหน่งเจ้าเมือง เจียนเซี่ย (กังแฮ่..กังแฮ)
จิวยี่ ร่วมกับ ซุนเซ็ก บุกโจมตีดินแดน วาน (อวง) ปัจจุบันคือเมือง เสียนซานเสี้ยน (เซี่ยมซัวกุ่ย) ในมณฑล อันเฟย
และ เมื่อบุกเข้าเมืองได้ ได้พบกับบุตรีทั้งสองของ เกียวก๋ง แม่นาง สองเกี้ยว งามเลิศล้ำ ซุนเซ็ก ได้ขอแต่งงานกับนาง ไต้เกี้ยว ส่วน จิวยี่ ได้แต่งงานกับนาง เสียวเกี้ยว
จิวยี่ ได้ยกทัพไปโจมตี โซ่วหยาน (ซิ้วเอี้ยง) โจมตีกองทัพของ หลิวซุน (เล่าฮึง) แตกพ่าย บุกตียึดเมืองท่า กังแฮ ของ เกงจิ๋ว ปัจจุบันคือดินแดนเมือง ซินโจว (ซิงจิว) ในมณฑล หูเป่ย
และ เมื่อถอยทัพกลับ ก็ได้ยึดเมือง อื่อเจียน (ยื่อเจียง), ปัจจุบันคือเมือง หนานชาน (น่ำเชียง) ในมณฑล เจียนซี เมือง ลู่หลิน (โล่วเล้ง), ปัจจุบันอยู่ตอนใต้ของเมือง จี๋อัน (เกี๊ยกอัง) ในมณฑล เจียนซี
และควบคุมเมือง ปาฉิว (ปาคิว)
ศักราช เจี้ยนอัน ปีที่ 5 พ.ศ. 743 ซุนเซ็ก ได้ถึงแก่กรรม จิวยี่ ได้นำกองทัพไปร่วมงานศพ เป็นแม่ทัพคอยช่วยเหลือ ได้ร่วมมือกับ จางเจา (เตียเจียว..เตียวเจียว) ช่วยกันอุปถัมภ์ส่งเสริม ซุนกวน
โดย เตียวเจียว จัดการควบคุมปกครองภายใน แก้ไขกฎระเบียบการปกครอง
ส่วน จิวยี่ นั้นควบคุมทางด้านทหารกองทัพ ได้ทำศึกภายนอกเรื่อมา
และเมื่อภายหลัง อ้วนเสี้ยว ถึงแก่กรรม กองทัพของ โจโฉ ยิ่งใหญ่มิมีใครเทียบเคียง
โจโฉ ได้ถือพระราชโองการให้ ซุนกวน ส่งบุตรไปเป็นตัวประกัน เพื่อค้ำจุนอำนาจของพระราชสำนัก
ซุน กวน ได้ปรึกษากับเหล่าขุนนาง แต่หาข้อยุติมิได้ ซุนกวน ได้ตั้งใจมิยอมปฏิบัติตามคำสั่งของ โจโฉ แต่ยังสองจิตสองใจ จึ่งได้ให้ จิวยี่ มาปรึกษาต่อหน้ามารดา จิวยี่ ได้อธิบายว่า
“เมื่อสมัย จ้านกว๋อ (เจี้ยงกก) นานมาแล้ว เมืองรัฐ ฉู่ (ฉ่อ) ได้มายึดมั่น ณ ดินแดน จิ่นซาน (เก่งซัว) ของเรา แม้นมีดินแดนมิถึง 100 ลี้ แต่ภายหลังได้บุกยึดดินแดนขยายขอบเขตอาณาจักรไปทั่ว ยึดได้ดินแดน จิ่น (เกง) และ หยาน (เอี้ยง) 2 หัวเมือง ตั้งเป็นอาณาจักรเมืองรัฐ ฉู่ (ฉ่อ) สืบทอดมา 900 ปี บัดนี้ ท่านแม่ทัพ (ซุนกวน) ได้สืบทอดตำแหน่งจากบิดาและพี่ชาย ควบคุมได้ 6 หัวเมือง เหล่ากองทัพทหารและน้ำท่าบริบูรณ์ อีกทั้งเหล่าขุนนางก็อยู่ในโอวาส และทำเลภูเขาดั่งกำแพงเหล็ก และมีทรัพยากรมีน้ำทะเลผลิตเกลือเป็นสินค้า นำเงินเข้ารัฐ เศรษฐกิจรุ่งเรือง พลเมืองต่างจงรักภัคดี ทำไมจึ่งต้องส่งคนไปเป็นตัวประกัน หากส่งตัวประกันไปแล้ว หากเรามิยอมฟังคำสั่ง โจโฉ ผลร้ายก็จักตกอยู่กับตัวประกัน จึ่งมิสมควรฟังคำสั่งอ้างพระราชโอการของ โจโฉ การตกอยู่ใต้อาณัติการควบคุมของผู้อื่น ท่านมีความชอบเพียงได้รับตราหยกในตำแหน่ง โฮ่ว (โหว) มีผู้ติดตามเพียงมิกี่สิบคน ราชรถมิกี่คัน ม้ามิกี่ตัว เป็นขบวนแห่งเจ้าอันเดียวดายทางใต้เท่านั้นเองหรอกหรือ ให้ท่านรอดูเหตุการณ์ ยืนด้วยขาตนเองมิดีกว่าหรือ”
มารดาของ ซุนกวน ได้กล่าวกับ ซุนกวน ว่า
“คำ พูดของ กงจิ่น (กงกึ้ง) กล่าวได้ถูกต้องยิ่ง แม้น กงจิ่น มีอายุห่างจาก ป๋อฟู่ (เปะฮู้..ซุนเซ็ก) เพียงเดือนเดียว แต่ข้าก็รัก กงจิ่น เหมือนลูกในไส้ เจ้าควรจักนับถือเขาเสมือนพี่ชายคนหนึ่ง”
ดั่งนั้น ซุนกวน จึ่งได้ตัดสินใจมิยอมส่งตัวประกัน
ศักราช เจี้ยนอัน ปีที่ 11 พ.ศ. 749 หวงจู่ (อึ่งโจ้ว..หองจอ) เจ้าเมือง เจียนเซี่ย (กังแฮ่..กังแฮ) ได้ส่งนายทัพ เติ้นหรง (เต่งเล้ง) ยกทัพมารุกรานเมือง ฉาเซิน (ฉ่าซึง) จิวยี่ ได้ยกทัพไปต้านรับ จับ เติ้นหรง ได้ทั้งเป็น
ศักราช เจี้ยนอัน ปีที่ 13 ซุนกวน ได้ยกทัพไปปราบ หองจอ ณ เมือง กังแฮ จิวยี่ ได้ดำรงตำแหน่งเป็นแม่ทัพหน้า
ฤดูร้อน ศักราช เจี้ยนอัน ปีที่ 13 โจโฉ ได้ลงยกกองทัพใหญ่ลงใต้บุกโจมตี เกงจิ๋ว และพิชิตตะวันออก
ขณะ นั้น เหล่าขุนนางของ ตังง่อ ต่างเกรงกลัวกองทัพของ โจโฉ ซุนกวน ได้ปรึกษากับบรรดาเหล่าขุนนาง โดยมี จางเจา (เตียเจียว..เตียวเจียว) เป็นผู้นำ ได้ลงมติให้ ซุนกวน ยอมสวามิภัคดิ์ต่อ โจโฉ แต่ จิวยี่ กลับให้เหตุผลแก่ ซุนกวน ว่า
“โจโฉ แม้นชื่อนั้นเป็นมหาอุปราชของราชวงศ์ ฮั่น แต่ที่แท้นั้นเป็นโจรปล้นแผ่นดิน ท่านแม่ทัพมีสติปัญญาความสามารถ อีกทั้งได้สืบทอดสมบัติมาจากบิดาและพี่ชาย ครอบครองดินแดน กังตั๋ง นับพันลี้ มีกำลังกองทัพมากมาย แม้นจักขัดโองการสวรรค์ต่อต้านกองทัพ ฮั่น แต่ทำไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ ด้วยการต่อต้าน โจโฉ เป็นสาเหตุ ก็มิขัดทำนองครองธรรม ดั่งนี้ โจโฉ จัดวิ่งมาหาความตายเอง ทำไม่จึ่งต้องต้อนรับเขาด้วยการยอมสวามิภัคดิ์ ส่วนแผนการสู้ศึกนั้น ข้าขออธิบายให้ท่านแม่ทัพฟังว่า หากทางเหนือปราบราบเรียบ โจโฉ มิต้องเป็นห่วง และถ้าเขากับพวกเราประจันหน้าสู้ศึกกันนานวัน ข้าเห็นว่าเขามิอาจสู้ทหารนาวีทางน้ำของพวกเราได้ แต่ทว่าบัดนี้ ศึกทางเหนือของเขายังมิราบคาบ ยังมี หม่าเสิ้น (เบ่เส่ง..ม้าเท่ง) และหานสุย (ฮ่างซุ้ย..หันซุย) ตั้งมั่นอยู่ ณ กวนซี (กวงไซ) หาก โจโฉ ปล่อยดินแดนทางบก หันมาสู้ศึกกับ อู๋เย่ว (โง่วอวก) ของพวกเราทางน้ำ กลับต้องพะว้าพะวงทางด้านหลัง อีกทั้งคน จงหยวน ทางเหนือ มิชินกับภูมิอากาศทางใต้ของเรา นี่ก็ใกล้ย่างเข้าฤดูหนาว ม้าขาดเสบียงหญ้ายังชีพ คนทางเหนือมิชินกับดินแดนทางน้ำ โรคภัยไข้เจ็บแตกต่างกัน นี่เป็นอุปสรรค์อันใหญ่หลวงของกองทัพใหญ่ หากท่านแม่ทัพจักต่อต้าน โจโฉ ขอเพียงให้กองกำลังข้า 30,000 ข้าจักไปเฝ้ารักษา ณ แฮเค้า จักทำหน้าที่แทนท่านแม่ทัพ ตีทหาร โจโฉ แตกพ่ายไป..”
ซุนกวน จึ่งได้มอบกองทัพ 30,000 นายให้ จิวยี่ และร่วมมือกับ เล่าปี่ ร่วมกันทำศึก ณ สมรภูมิทางน้ำ เซ็กเพ็ก ปัจจุบันอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมือง พูฉี (พู่คี้) ในมณฑล หูเป่ย
ขณะนั้น ทหารของ โจโฉ มิชินกับภูมิอากาศและน้ำท่าของทางใต้ และมีโรคภัยไข้ระบาด เมื่อกองทัพทั้งสองฝ่ายได้ต่อสู้กัน กองทัพร่วมสัมพันธ์มิตรของ ซุน กับ เล่า ได้ชัยชนะอย่างรวดเร็ว
กองทัพของ โจโฉ แตกพ่ายถอยไปทาง เจียนเป่ย (กังปัก)
เพราะ ว่า กองทัพของ โจโฉ มิถนัดกับศึกทางน้ำ กองเรือสั่นคลอนด้วยกระแสคลื่น โจโฉ จึ่งได้สั่งผูกกองทัพเรือเข้าด้วยกันด้วยโซ่เหล็ก และได้เสียรู้กลศึกของข้าศึก ซึ่งให้นายทัพ หวงไก้ (อึ่งไก่..อุยกาย) แกล้งทำสวามิภัคดิ์ แล้วนำเรือไฟ 10 ลำมาเผาผลาญกองทัพเรือของ โจโฉ
กอง ทัพสัมพันธ์มิตร ซุน เล่า ได้ร่วมบุกโจมตี หนานกุน (น่ำกุ๋ง..ลำกุ๋น) โจโฉ ได้ให้แม่ทัพ เชาเหริน (ช่ายิ้ง..โจยิน) ตั้งมันรักษาเมือง เจียนหลิน (กังเล้ง) ส่วนตนเองมุ่งหนีไปทางเหนือ
ภายหลังศึก เซ็กเพ็ก ซุนกวน ได้แต่งตั้ง จิวยี่ เป็น เพียนเจียนจวิน (เพียงเจียงกุง..แม่ทัพรอง) ควบตำแหน่งเจ้าเมือง ลำกุ๋น
ส่วน เล่าปี่ ได้ลอบโจมตีดินแดน กังเหล็ง ตั้งตนเองเป็นเจ้าเมือง จิ่นโจวมู่ (เก่งจิกมก..เกงจิ๋ว)
และได้ดองญาติกับ ซุนกวน โดยตกแต่งน้องสาวของ ซุนกวน เป็นภรรยา
จิ วยี่ ได้ร่วมคิดกับ ซุนกวน ยุยง เล่าปี่ สร้างปราสาทราชวัง ส่งหญิงงามให้ เล่าปี่ ให้ เล่าปี่ ลุ่มหลงในสุรานารี ละเลยต่อพี่น้อง กวนอู เตียวหุย จักได้ก่อการเป็นใหญ่ต่อไปในภายหน้า แต่ ซุนกวน ได้เห็นความพ่ายแพ้แตกพ่ายของ โจโฉ จึ่งยังมิคิดการใหญ่
มินาน จิวยี่ ได้ไปหา ซุนกวน ณ เมือง เจี้ยนเย่ว์ (เกี่ยงเงี๊ยบ) ปัจจุบันคือเมือง นานจิน ปรึกษา ซุนกวนบุกโจมตีเมือง ยิโจว (เอี๊ยะจิว) ซุนกวนเห็นด้วย
จิวยี่ จึ่งได้กลับ กังเหล็ง นำกองทัพมุ่งพิชิตทางตะวันตก ถึงเมือง ปาฉิว (ปาคิว..เรือกอีกชื่อว่า ปาเหล็ง) ต้องพิษโรคระบาดตาย สิ้นชีพ ณ ที่นั้นขณะมีอายุได้ 36 ปี
อีก 19 ปีต่อมา ซุนกวน ได้สถาปนาตนเป็น ฮ่องเต้ ซุนกวนมักกล่าวรำลึกถึง จิวยี่ เสมอ ๆ
“หากข้ามิมี โจวกงจิ่น (จิวกงกึ้ง) ทุกวันนี้ ข้าไฉนจักเป็น ฮ่องเต้”
แสดงว่า จิวยี่ มีบุญคุณต่อ ตังง่อ เหลือคณา

บรรพบุรุษ โจวหย่ง (จิวเว้ง) เป็นขุนนางฝ่ายกรมอาลักษณ์ในรัชสมัยของพระเจ้า ฮั่นจิ่นตี้ (ฮั้งเก่งตี่), และในรัชสมัยของพระเจ้า ฮั่นเหอตี้ (ฮั้งฮั่วตี่),
ปู่ โจวจิ่น (จิวเก่ง), อา โจวจง (จิวตง), ตำแหน่งยศขุนนางถึง ไท่เว่ย (ไท้เอว่ย)
บิดา โจวอี่ (จิวอี่) ดำรงตำแหน่งผู้ว่านคร ลั่วหยาน
จิ วยี่ เมื่อวัยเด็ก ได้รับการอบรมสั่งสอนจากตระกูลผู้ดีอันเข้มงวดกวดขัน มีวิชาทางฝ่ายบู้และฝ่ายบุ๋น อีกทั้งได้เล่าเรียนทางศิลปะ การเล่นหมากรุก การตีขิม การวาดรูปด้วยฝีมืออันสูงส่ง มีความสามารถเป็นพิเศษ
สมัยนั้นมีคำพังเพยว่า “ท่วงทำนองเพลงผิด โจวหลาน รู้สึก” แสดงว่า หาก จิวยี่ ฟังดนตรีเล่นผิดเพี้ยนเพียงเล็กน้อง ก็จักฟังออก
จิวยี่ เมื่อตอนวัยเด็ก มีความมานะพยายามและมีปณิธานอันแน่วแน่ ชอบสังคมคบหาเหล่าบัณฑิตผู้มีชื่อเสียง
และได้คบหาเด็กในวัยอายุเดียวกันเป็นเพื่อนสนิท คือ ซุนเซ็ก
และ เมื่อ ซุนเกียน บิดา ซุนเซ็ก ยกกองกำลังปราบทรราช ตั๋งโต๊ะ นั้น จิวยี่ ได้ชักชวน ซุนเซ็ก นำมารดาและครอบครัวมาอยู่อาศัยกับครอบครัวของ จิวยี่ ณ ซู โดยยกบ้านหลังหนึ่งให้อยู่กันต่างหากพร้อมด้วยคนรับใช้พร้อมสรรพ
ดั่งนั้น คนทั้งสองจึ่งคบหากันเป็นมิตรสนิทรักใคร่อันแน่นแฟ้น
จิวยี่ เมื่อเติบโตเป็นหนุ่ม รูปร่างสูงใหญ่ หน้าตางดงาม เป็นชายหนุ่มที่มีเสน่ห์แก่เพศตรงข้ามในยุคนั้น
เมื่อ ซุนเซ็ก เข้าร่วมกับ อ้วนสุด จิวยี่ ก็เข้าร่วมด้วย และได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าเมือง ตันหยาน (ตังเอี้ยง..ตองเอี๋ยง) ของท่านอา โจวเซี่ยน (จิวเซี่ย)
มินาน ซุนเซ็ก ได้เหินห่างจาก อ้วนสุด จึ่งได้มีหนังสือไปบอกกล่าวให้ จิวยี่ ทราบ
จิวยี่ ได้ขอยืมกองทัพจากเจ้าอา ไปต้อนรับ ซุนเซ็ก ถึงหน้าเมือง และเมื่อ ซุนเซ็ก ได้พบหน้ากับ จิวยี่ ได้กล่าวอย่างดีใจว่า
“ข้าได้เห็นหน้าท่านแล้ว มีความหวังอย่างยิ่งว่าการใหญ่จักสำเร็จในวันข้างหน้า..”
ดั่ง นั้น จิวยี่ จึ่งได้ร่วมทำศึกกับ ซุนเซ็ก บุกโจมตีเมือง หวงเจียน (ห่วยกัง), ตันหลี่ (ตึงหลี), ปัจจุบันอยู่ทางด้านตะวันออกของเมือง เหอเสี้ยน (ฮั่วกุ่ย) ในมณฑล อันเฟย และข้ามลำน้ำไปบุกโจมตี ม่อหลิน (มกเล้ง), หูซู่ (โอ่วซก), เจียนเฉิน (กังเซ้ง), ปัจจุบันล้วนอยู่ใกล้เคียงเมือง นานจิน และเมือง กู่หยง (กู่ย้ง) ในมณฑล เจียนซู และเมือง เค่ออา (เค็กอา) ปัจจุบันคือเมือง ตันหยาน ในมณฑล เจียนซู ฯ ล ฯ
โจมตีกองทัพของ หลิวเหยา (เล่าเอี้ยว) แตกพ่ายไป
เวลานั้น กองทัพของ ซุนเซ็ก ได้ขยายตัวอย่างรวดเร็ว มีกองกำลังนับหมื่นคน
และด้วยเมือง ตันหยาน นั้นเป็นทำเลชัยภูมิที่สำคัญ แต่ได้ถูกควบคุมโดย อ้วนสุด
ซุน เซ็ก จึ่งให้ จิวยี่ ไปเฝ้าระวังรักษา เมื่อ จิวยี่ ควบคุมเมือง ตันหยาน ได้มินาน ก็ได้ทำการฝึกทหาร ส้องสุมกองกำลัง สะสมเสบียงอาหาร เป็นกองหนุนส่งไปป้อน ซุนเซ็ก
อ้วนสุด เห็นเช่นนั้น จึ่งมิยอมปล่อยปละเมือง ตันหยาน ได้ส่งน้องชายลูกพี่ลูกน้อง หยวนเหยียน (ง่วงเอี๋ยง..อ้วนเอี๋ยง) ไปเป็นเจ้าเมืองแทน จิวยี่
และให้ จิวยี่ อาหลานไปควบคุมเมือง โซ่วชุน (ซิ้วชุง) อ้วนสุด
ใคร่ จักให้ จิวยี่ เป็นแม่ทัพร่วมการศึก แต่ จิวยี่ มองเห็นการไกลว่า อ้วนสุด จักทำการใหญ่มิสำเร็จ จิวยี่ จึ่งเริ่มเอาในออกห่างจาก อ้วนสุด แต่ได้ขอร้อง อ้วนสุดขอตั้งมั่น ณ เมือง กูเฉา (กูเช้า) เพื่อเตรียมการถอยไปทางตะวันออก อ้วนสุด ได้แต่งตั้ง จิวยี่ เป็นเจ้าเมือง กูเฉา ทันที
ศักราช เจี้ยนอัน ปีที่ 3 พ.ศ. 741 จิวยี่ ได้ยกเมือง กูเฉา คืนกลับสู่ดินแดน ง่อ
ซุน เซ็ก ได้เดินทางไปต้อนรับด้วยตนเอง และแต่งตั้งให้เขาเป็นนายทัพ เจี้ยนเว่ยจงหลานเจี้ยน (เคี่ยงอุ่ยตงนึ่งเจี่ยง) ให้กองกำลังแก่เขา 2,000 นาย และม้าศึกอีก 50 ตัว
จิวยี่ ได้ซ่อมสร้างสถานที่ว่าการ และสั่งนายทัพ กวนจิน (กวงจิง) เฝ้ารักษาการลำน้ำ ฉานเจียน (เชี่ยงกัง..แยงซี) ณ จูจู่ฉี (จูจูคี้) ปัจจุบันอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมือง ตันฉู (ตึงทู้) ในมณฑล อันเฟย
ขณะนั้น จิวยี่ มีอายุได้ 24 ปี คนทั่ว ๆ ไปเรียกเขาว่า โจวหลาน (จิวนึ้ง..คุณชายจิว)
มินาน ซุนเซ็ก ต้องการพิชิตดินแดน เกงจิ๋ว ให้ จิวยี่ เป็นทัพหนุนช่วย และควบตำแหน่งเจ้าเมือง เจียนเซี่ย (กังแฮ่..กังแฮ)
จิวยี่ ร่วมกับ ซุนเซ็ก บุกโจมตีดินแดน วาน (อวง) ปัจจุบันคือเมือง เสียนซานเสี้ยน (เซี่ยมซัวกุ่ย) ในมณฑล อันเฟย
และ เมื่อบุกเข้าเมืองได้ ได้พบกับบุตรีทั้งสองของ เกียวก๋ง แม่นาง สองเกี้ยว งามเลิศล้ำ ซุนเซ็ก ได้ขอแต่งงานกับนาง ไต้เกี้ยว ส่วน จิวยี่ ได้แต่งงานกับนาง เสียวเกี้ยว
จิวยี่ ได้ยกทัพไปโจมตี โซ่วหยาน (ซิ้วเอี้ยง) โจมตีกองทัพของ หลิวซุน (เล่าฮึง) แตกพ่าย บุกตียึดเมืองท่า กังแฮ ของ เกงจิ๋ว ปัจจุบันคือดินแดนเมือง ซินโจว (ซิงจิว) ในมณฑล หูเป่ย
และ เมื่อถอยทัพกลับ ก็ได้ยึดเมือง อื่อเจียน (ยื่อเจียง), ปัจจุบันคือเมือง หนานชาน (น่ำเชียง) ในมณฑล เจียนซี เมือง ลู่หลิน (โล่วเล้ง), ปัจจุบันอยู่ตอนใต้ของเมือง จี๋อัน (เกี๊ยกอัง) ในมณฑล เจียนซี
และควบคุมเมือง ปาฉิว (ปาคิว)
ศักราช เจี้ยนอัน ปีที่ 5 พ.ศ. 743 ซุนเซ็ก ได้ถึงแก่กรรม จิวยี่ ได้นำกองทัพไปร่วมงานศพ เป็นแม่ทัพคอยช่วยเหลือ ได้ร่วมมือกับ จางเจา (เตียเจียว..เตียวเจียว) ช่วยกันอุปถัมภ์ส่งเสริม ซุนกวน
โดย เตียวเจียว จัดการควบคุมปกครองภายใน แก้ไขกฎระเบียบการปกครอง
ส่วน จิวยี่ นั้นควบคุมทางด้านทหารกองทัพ ได้ทำศึกภายนอกเรื่อมา
และเมื่อภายหลัง อ้วนเสี้ยว ถึงแก่กรรม กองทัพของ โจโฉ ยิ่งใหญ่มิมีใครเทียบเคียง
โจโฉ ได้ถือพระราชโองการให้ ซุนกวน ส่งบุตรไปเป็นตัวประกัน เพื่อค้ำจุนอำนาจของพระราชสำนัก
ซุน กวน ได้ปรึกษากับเหล่าขุนนาง แต่หาข้อยุติมิได้ ซุนกวน ได้ตั้งใจมิยอมปฏิบัติตามคำสั่งของ โจโฉ แต่ยังสองจิตสองใจ จึ่งได้ให้ จิวยี่ มาปรึกษาต่อหน้ามารดา จิวยี่ ได้อธิบายว่า
“เมื่อสมัย จ้านกว๋อ (เจี้ยงกก) นานมาแล้ว เมืองรัฐ ฉู่ (ฉ่อ) ได้มายึดมั่น ณ ดินแดน จิ่นซาน (เก่งซัว) ของเรา แม้นมีดินแดนมิถึง 100 ลี้ แต่ภายหลังได้บุกยึดดินแดนขยายขอบเขตอาณาจักรไปทั่ว ยึดได้ดินแดน จิ่น (เกง) และ หยาน (เอี้ยง) 2 หัวเมือง ตั้งเป็นอาณาจักรเมืองรัฐ ฉู่ (ฉ่อ) สืบทอดมา 900 ปี บัดนี้ ท่านแม่ทัพ (ซุนกวน) ได้สืบทอดตำแหน่งจากบิดาและพี่ชาย ควบคุมได้ 6 หัวเมือง เหล่ากองทัพทหารและน้ำท่าบริบูรณ์ อีกทั้งเหล่าขุนนางก็อยู่ในโอวาส และทำเลภูเขาดั่งกำแพงเหล็ก และมีทรัพยากรมีน้ำทะเลผลิตเกลือเป็นสินค้า นำเงินเข้ารัฐ เศรษฐกิจรุ่งเรือง พลเมืองต่างจงรักภัคดี ทำไมจึ่งต้องส่งคนไปเป็นตัวประกัน หากส่งตัวประกันไปแล้ว หากเรามิยอมฟังคำสั่ง โจโฉ ผลร้ายก็จักตกอยู่กับตัวประกัน จึ่งมิสมควรฟังคำสั่งอ้างพระราชโอการของ โจโฉ การตกอยู่ใต้อาณัติการควบคุมของผู้อื่น ท่านมีความชอบเพียงได้รับตราหยกในตำแหน่ง โฮ่ว (โหว) มีผู้ติดตามเพียงมิกี่สิบคน ราชรถมิกี่คัน ม้ามิกี่ตัว เป็นขบวนแห่งเจ้าอันเดียวดายทางใต้เท่านั้นเองหรอกหรือ ให้ท่านรอดูเหตุการณ์ ยืนด้วยขาตนเองมิดีกว่าหรือ”
มารดาของ ซุนกวน ได้กล่าวกับ ซุนกวน ว่า
“คำ พูดของ กงจิ่น (กงกึ้ง) กล่าวได้ถูกต้องยิ่ง แม้น กงจิ่น มีอายุห่างจาก ป๋อฟู่ (เปะฮู้..ซุนเซ็ก) เพียงเดือนเดียว แต่ข้าก็รัก กงจิ่น เหมือนลูกในไส้ เจ้าควรจักนับถือเขาเสมือนพี่ชายคนหนึ่ง”
ดั่งนั้น ซุนกวน จึ่งได้ตัดสินใจมิยอมส่งตัวประกัน
ศักราช เจี้ยนอัน ปีที่ 11 พ.ศ. 749 หวงจู่ (อึ่งโจ้ว..หองจอ) เจ้าเมือง เจียนเซี่ย (กังแฮ่..กังแฮ) ได้ส่งนายทัพ เติ้นหรง (เต่งเล้ง) ยกทัพมารุกรานเมือง ฉาเซิน (ฉ่าซึง) จิวยี่ ได้ยกทัพไปต้านรับ จับ เติ้นหรง ได้ทั้งเป็น
ศักราช เจี้ยนอัน ปีที่ 13 ซุนกวน ได้ยกทัพไปปราบ หองจอ ณ เมือง กังแฮ จิวยี่ ได้ดำรงตำแหน่งเป็นแม่ทัพหน้า
ฤดูร้อน ศักราช เจี้ยนอัน ปีที่ 13 โจโฉ ได้ลงยกกองทัพใหญ่ลงใต้บุกโจมตี เกงจิ๋ว และพิชิตตะวันออก
ขณะ นั้น เหล่าขุนนางของ ตังง่อ ต่างเกรงกลัวกองทัพของ โจโฉ ซุนกวน ได้ปรึกษากับบรรดาเหล่าขุนนาง โดยมี จางเจา (เตียเจียว..เตียวเจียว) เป็นผู้นำ ได้ลงมติให้ ซุนกวน ยอมสวามิภัคดิ์ต่อ โจโฉ แต่ จิวยี่ กลับให้เหตุผลแก่ ซุนกวน ว่า
“โจโฉ แม้นชื่อนั้นเป็นมหาอุปราชของราชวงศ์ ฮั่น แต่ที่แท้นั้นเป็นโจรปล้นแผ่นดิน ท่านแม่ทัพมีสติปัญญาความสามารถ อีกทั้งได้สืบทอดสมบัติมาจากบิดาและพี่ชาย ครอบครองดินแดน กังตั๋ง นับพันลี้ มีกำลังกองทัพมากมาย แม้นจักขัดโองการสวรรค์ต่อต้านกองทัพ ฮั่น แต่ทำไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ ด้วยการต่อต้าน โจโฉ เป็นสาเหตุ ก็มิขัดทำนองครองธรรม ดั่งนี้ โจโฉ จัดวิ่งมาหาความตายเอง ทำไม่จึ่งต้องต้อนรับเขาด้วยการยอมสวามิภัคดิ์ ส่วนแผนการสู้ศึกนั้น ข้าขออธิบายให้ท่านแม่ทัพฟังว่า หากทางเหนือปราบราบเรียบ โจโฉ มิต้องเป็นห่วง และถ้าเขากับพวกเราประจันหน้าสู้ศึกกันนานวัน ข้าเห็นว่าเขามิอาจสู้ทหารนาวีทางน้ำของพวกเราได้ แต่ทว่าบัดนี้ ศึกทางเหนือของเขายังมิราบคาบ ยังมี หม่าเสิ้น (เบ่เส่ง..ม้าเท่ง) และหานสุย (ฮ่างซุ้ย..หันซุย) ตั้งมั่นอยู่ ณ กวนซี (กวงไซ) หาก โจโฉ ปล่อยดินแดนทางบก หันมาสู้ศึกกับ อู๋เย่ว (โง่วอวก) ของพวกเราทางน้ำ กลับต้องพะว้าพะวงทางด้านหลัง อีกทั้งคน จงหยวน ทางเหนือ มิชินกับภูมิอากาศทางใต้ของเรา นี่ก็ใกล้ย่างเข้าฤดูหนาว ม้าขาดเสบียงหญ้ายังชีพ คนทางเหนือมิชินกับดินแดนทางน้ำ โรคภัยไข้เจ็บแตกต่างกัน นี่เป็นอุปสรรค์อันใหญ่หลวงของกองทัพใหญ่ หากท่านแม่ทัพจักต่อต้าน โจโฉ ขอเพียงให้กองกำลังข้า 30,000 ข้าจักไปเฝ้ารักษา ณ แฮเค้า จักทำหน้าที่แทนท่านแม่ทัพ ตีทหาร โจโฉ แตกพ่ายไป..”
ซุนกวน จึ่งได้มอบกองทัพ 30,000 นายให้ จิวยี่ และร่วมมือกับ เล่าปี่ ร่วมกันทำศึก ณ สมรภูมิทางน้ำ เซ็กเพ็ก ปัจจุบันอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมือง พูฉี (พู่คี้) ในมณฑล หูเป่ย
ขณะนั้น ทหารของ โจโฉ มิชินกับภูมิอากาศและน้ำท่าของทางใต้ และมีโรคภัยไข้ระบาด เมื่อกองทัพทั้งสองฝ่ายได้ต่อสู้กัน กองทัพร่วมสัมพันธ์มิตรของ ซุน กับ เล่า ได้ชัยชนะอย่างรวดเร็ว
กองทัพของ โจโฉ แตกพ่ายถอยไปทาง เจียนเป่ย (กังปัก)
เพราะ ว่า กองทัพของ โจโฉ มิถนัดกับศึกทางน้ำ กองเรือสั่นคลอนด้วยกระแสคลื่น โจโฉ จึ่งได้สั่งผูกกองทัพเรือเข้าด้วยกันด้วยโซ่เหล็ก และได้เสียรู้กลศึกของข้าศึก ซึ่งให้นายทัพ หวงไก้ (อึ่งไก่..อุยกาย) แกล้งทำสวามิภัคดิ์ แล้วนำเรือไฟ 10 ลำมาเผาผลาญกองทัพเรือของ โจโฉ
กอง ทัพสัมพันธ์มิตร ซุน เล่า ได้ร่วมบุกโจมตี หนานกุน (น่ำกุ๋ง..ลำกุ๋น) โจโฉ ได้ให้แม่ทัพ เชาเหริน (ช่ายิ้ง..โจยิน) ตั้งมันรักษาเมือง เจียนหลิน (กังเล้ง) ส่วนตนเองมุ่งหนีไปทางเหนือ
ภายหลังศึก เซ็กเพ็ก ซุนกวน ได้แต่งตั้ง จิวยี่ เป็น เพียนเจียนจวิน (เพียงเจียงกุง..แม่ทัพรอง) ควบตำแหน่งเจ้าเมือง ลำกุ๋น
ส่วน เล่าปี่ ได้ลอบโจมตีดินแดน กังเหล็ง ตั้งตนเองเป็นเจ้าเมือง จิ่นโจวมู่ (เก่งจิกมก..เกงจิ๋ว)
และได้ดองญาติกับ ซุนกวน โดยตกแต่งน้องสาวของ ซุนกวน เป็นภรรยา
จิ วยี่ ได้ร่วมคิดกับ ซุนกวน ยุยง เล่าปี่ สร้างปราสาทราชวัง ส่งหญิงงามให้ เล่าปี่ ให้ เล่าปี่ ลุ่มหลงในสุรานารี ละเลยต่อพี่น้อง กวนอู เตียวหุย จักได้ก่อการเป็นใหญ่ต่อไปในภายหน้า แต่ ซุนกวน ได้เห็นความพ่ายแพ้แตกพ่ายของ โจโฉ จึ่งยังมิคิดการใหญ่
มินาน จิวยี่ ได้ไปหา ซุนกวน ณ เมือง เจี้ยนเย่ว์ (เกี่ยงเงี๊ยบ) ปัจจุบันคือเมือง นานจิน ปรึกษา ซุนกวนบุกโจมตีเมือง ยิโจว (เอี๊ยะจิว) ซุนกวนเห็นด้วย
จิวยี่ จึ่งได้กลับ กังเหล็ง นำกองทัพมุ่งพิชิตทางตะวันตก ถึงเมือง ปาฉิว (ปาคิว..เรือกอีกชื่อว่า ปาเหล็ง) ต้องพิษโรคระบาดตาย สิ้นชีพ ณ ที่นั้นขณะมีอายุได้ 36 ปี
อีก 19 ปีต่อมา ซุนกวน ได้สถาปนาตนเป็น ฮ่องเต้ ซุนกวนมักกล่าวรำลึกถึง จิวยี่ เสมอ ๆ
“หากข้ามิมี โจวกงจิ่น (จิวกงกึ้ง) ทุกวันนี้ ข้าไฉนจักเป็น ฮ่องเต้”
แสดงว่า จิวยี่ มีบุญคุณต่อ ตังง่อ เหลือคณา


ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น